วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ต้นกำเนิดวันแม่


วันแม่นั้นถูกกำหนดขึ้นโดยชาวอเมริกัน โดยผู้ที่พยายามเรียกร้องให้มีวันแม่ก็คือ แอนนา เอ็ม จาร์วิส คุณครูในรัฐฟิลาเดลเฟีย เธอได้ใช้เวลาเรียกร้องถึง 2 ปี จนประสบความสำเร็จใน ค.ศ. 1914 (พ.ศ. 2457) ในสมัยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับตกแต่งบ้าน หรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้วให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว
วันสำคัญสำหรับเดือนพฤษภาคมของอเมริกาอีกวันหนึ่งคือวันแม่ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Mother's Day ในแต่ละปีวันจะไม่ตรงกันเนื่องจากถือเอาวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม ในการกำหนดวัน วันแม่ปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม
ไม่ว่าประเทศไหนๆ ต่างก็มีวันที่จะให้ลูกแสดงความรักต่อผู้ให้กำเนิด ในวันแม่เด็กๆ ชาวอเมริกันจะแสดงความรักต่อแม่โดยซื้อของขวัญมอบให้ หรือเด็กเล็กๆ จะถูกปลูกฝังให้ทำอะไรพิเศษๆ ให้กับแม่ในวันนี้ อาจจะเป็นการเสริฟ์อาหารเช้าถึงที่นอน เพราะพวกเขาจะตื่นแต่เช้ามาทำเองกับมือ ชาวอเมริกันมักนิยมพาแม่ออกไปทานอาหารนอกบ้านหรือให้แม่เป็นผู้เลือกว่าจะทำกิจกรรมอะไรในวันนี้ เนื่องในวันพิเศษเช่นนี้ทำให้ร้านอาหารต่างๆ แน่นขนัด ถือเป็นวันที่ร้านอาหารขายดีที่สุดในรอบปีก็ว่าได้ นอกจากกิจการร้านอาหารที่ทำให้เศรษฐกิจคล่องตัวแล้ว ร้านขายดอกไม้ การ์ดอวยพรและของขวัญอื่นๆ ที่ต่างก็มีโปรโมชั่นพิเศษให้ลูกๆ ได้จับจ่ายซื้อของขวัญที่วิเศษสุดมอบให้แก่คุณแม่ รวมไปถึงโทรศัพท์ทางไกลก็ดีไปด้วยเพราะลูกๆ ที่ต้องไปทำงานต่างรัฐและไม่สามารถกลับบ้านได้เนื่องด้วยภาระกิจก็จะโทรหาแม่แทน
วันแม่ประเทศอเมริกา เริ่มมีมาเมื่อประมาณร้อยปีที่แล้ว ในปี ค.ศ. 1908 Anna Jarvis เริ่มจัดให้มีการเฉลิมฉลองวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรกที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย และเธอผู้นี้พยายามเสนอแนวคิดนี้ให้เป็นจริงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ยากในสมัยนั้นก็ตาม ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ผู้ชายยังคงมีสิทธิและบทบาทเหนือกว่าผู้หญิงมาก จนกระทั่งในปี 1914 ประธานาธิบดี วู้ดโรว วิลสัน ได้กำหนดให้วันแม่เป็นวันหยุดแห่งชาติเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น